วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

22ธ.ค.ดีเดย์รีดโทลล์เวย์85บ.

ครม.ใบ้กิน ยอมจำนนไฟเขียวขึ้นค่าทางด่วนโทลล์เวย์ ตามกำหนด 22 ธ.ค.นี้ ผู้ใช้เส้นทางควักเงินเพิ่มกันอ่วมอรทัย โดนโขกเลือดซิบๆ รถยนต์ 4 ล้อควักจ่ายสูงสุด 85 บาท รถโดยสารสูงสุด 125 บาท นายกฯยื้อพอเป็นพิธี ขอ รมว.คมนาคมช่วยเจรจาแบ่งเบา ทำคูปองรายเดือน หรืออัดโปรโมชั่นแก้ปัญหาคนใช้เส้นทางเดือดร้อน ด้านโทลล์เวย์แบะท่า หากคนใช้เส้นทางลดลง อาจใช้กลยุทธ์จัดโปรโมชั่นกระตุ้น

- อะไรที่มิใช่ของรัฐจะแพงเช่นนี้แหละ


วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตะลึง! “มาร์ค” เปิดอกโชว์ ไม่มีเสื้อเกราะ แต่พระเครื่องเพียบ ปัดสักยันต์ห้าแถว

“อภิสิทธิ์” แหวกอกโชว์สื่อ ไม่พึ่งเสื้อเกาะ แต่พึ่งพระเครื่องเพียบ ห้อยเต็มคอนับสิบองค์ พร้อมปฏิเสธสักยันต์ห้าแถว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 พ.ย.) ภายหลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เสร็จสิ้นการออกรายการแล้ว ก่อนที่จะเดินทางกลับ นายอภิสิทธิ์ ได้สอบถามข่าวเกี่ยวกับเรื่องการสวมเสื้อเกราะของตนเอง จากสื่อหลายคนว่า ข่าวดังกล่าวมาจากไหน ใครเล่น ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า ก็เล่นกันทุกฉบับ จากนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี เมื่อวาน (28 พ.ย.) ไม่ได้ใส่เสื้อเกาะ

ในระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวที่กำลังพิมพ์ข่าวอยู่ในห้องรับรองต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ก็เห็นเสื้อยืดที่นายอภิสิทธิ์ใส่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวแย้งว่า ไม่ใช่ เป็นพระมากกว่า

จากนั้นผู้สื่อข่าวท้าให้นายกฯเปิดกระดุมเสื้อ เพื่อเป็นการยืนยัน นายอภิสิทธิ์ รับคำท้าด้วยการแกะกระดุมแหวกอกให้ดู สื่อต้องตะลึง เนื่องจากสิ่งที่พบ คือ พระที่ห้อยคอมีนับสิบองค์ในหนึ่งพวงใหญ่ จนสื่อแซวว่าไม่ต้องพึ่งเสื้อเกราะ แค่พระใครยิงก็ไม่โดนแล้วมั้ง สื่อบางคนถามว่า สักยันต์ห้าแถวของอาจารย์หนูด้วยรึเปล่า นายกฯส่ายหัวแบบอารมณ์ดี พร้อมหัวเราะออกจากห้อง

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

มุมสงบของชีวิต

ไม่รู้สึกกับคำ "ดูถูก"



ไม่รู้สึกกับคำ "ดูถูก"
เพราะไม่เคยดูถูกตัวเอง

ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าใครกำหนดชนชั้นในสังคม
ใครบอกว่าคนนี้ด้อยกว่าคนนั้น..คนนั้นเลิศกว่าคนนี้

"คนนั้นเขาดูถูกฉัน"..
"ฉันไม่ชอบให้ใครมาดูถูก"

ฉันว่าไม่มีใครมาดูถูกเราได้..
ถ้าหากเราไม่คิดดูถูกตัวเอง


คนที่เดือดร้อน..นั่นแสดงว่า..
เขาไม่มีความภูมิใจในตัวเอง

ลองนั่งอยู่กับตัวเองซักพัก..
และลองหาดูว่าตัวเองมีอะไรที่คนอื่นไม่มีบ้าง

ฉันไม่ได้หมายถึง..
กระเป๋ามียี่ห้อ..รองเท้าจากอิตาลี..หรือขับรถซีรี่ส์ 7

แต่หมายถึงสิ่งดี ๆ ที่มักมีใครหลายคนสรรเสริญเราให้ได้ยิน
เช่น...


เราเรียนเก่ง..
เป็นคนใจกว้าง..
เป็นคนที่เพื่อนรัก
ไม่เรื่องมาก...

แค่นี้เธอก็มีความพิเศษกว่าคนอื่นแล้ว..
สิ่งนี้แหละที่บ่งบอกว่า...

เป็นตัวเธอ...
มีคนเดียวในโลก..
และเธอก็น่าจะภูมิใจ


คนที่ดูถูกคนอื่น..
น่าสงสารกว่าเราอีกนะ

........
..........


เพราะเขามัวมองคนอื่น..
จนลืมมองตัวเอง...

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

โอภาส เพ็งเจริญ o-pas@matichon.co.th

ฎีกาธุรกิจ

โอภาส เพ็งเจริญ o-pas@matichon.co.th

ต้องจ่าย

มูลนิธิสร้างพระเครื่องหาทุนทำกุศล ขอให้ธนาคารเปิดรับจองพระเครื่อง มีคนสนใจจอง จ่ายเงินจอง แล้วไม่ได้พระ ธนาคารอ้างว่าหมด คนที่จองมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับจอง ธนาคารบอกว่าธนาคารไม่เกี่ยวเป็นแค่ตัวแทนรับจองเท่านั้น แล้วสุดท้ายผลจะลงเอยเช่นไร



1.

ยามเช้าวันที่ 16 มกราคม 2539 เพิ่งผ่านปีใหม่มาไม่นาน อากาศกำลังเย็นสบาย บรรยากาศสดใส

คุณโผงตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวหล่อ ก้าวเดินออกจากบ้านอย่างสดชื่น แวะไปที่ธนาคารข้างบ้าน

"8 ชุดครับ" คุณโผงกล่าวตอบ พร้อมๆ กับหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเจ้าหน้าที่ธนาคาร

ธนาคารพาณิชย์สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้รับการติดต่อจากมูลนิธิให้สาขาของธนาคารทั่วประเทศช่วยรับจองพระเครื่องที่จัดสร้างให้ด้วย

สาขาต่างๆ ของธนาคารจึงเปิดรับจอง ที่ข้างๆ บ้านของคุณโผงก็เปิดรับจอง

ประสาคุณโผงที่ชื่นชอบ นิยมสะสมพระเครื่องจึงพลาดไม่ได้ จึงรีบไปจองทันที

หนึ่งชุดประกอบด้วย พระพิมพ์จิตรลดาเนื้อทองคำ 1 องค์ เนื้อเงิน 1 องค์ และเนื้อนวโลหะ 1 องค์ รวม 3 องค์ รวมเป็นเงิน ชุดละ 19,999 บาท

คุณโผงจองพระพิมพ์จิตรลดา 8 ชุด รวมเป็นเงิน 159,992 บาท

เท่านั้นยังไม่พอ ระหว่างนั่งจองอยู่นั้น คุณโผงเห็นว่า ชุดอื่นๆ ก็งาม น่าจะมีไว้เป็นเจ้าของ น่าเก็บสะสม จึงขอจองอีกจำนวน 226,487 บาท

ชำระเงินเรียบร้อย รับหลักฐานการจอง "สวัสดีครับ" ลาแล้วลุกออกมา

คุณโผงกลับไปด้วยความอิ่มเอิบใจ และเริ่มนับถอยหลังรอว่าเมื่อพระสร้างเสร็จจะได้เป็นเจ้าของพระเครื่องงามสมความตั้งใจ ผู้จัดการสาขา ผู้ช่วยผู้จัดการสาขาต่างยืนยันในเวลาต่อมาว่า จากการตรวจสอบไปที่สำนักงานใหญ่แล้ว พระเครื่องที่คุณโผงสั่งจองทุกรายการนั้นคุณโผงมีสิทธิได้แน่นอน

คุณโผงทำโน่นทำนี่ของคุณโผงไปตามปกติ หาเงินบ้าง ใช้เงินบ้าง

วันเวลาผ่านไป กระทั่งวันหนึ่งคุณโผงได้รับแจ้งให้ไปรับพระเครื่องบางชุดจากธนาคารสาขาที่เขาไปจ่ายเงินจองไว้

ยังคงเหลือเฉพาะชุดพระพิมพ์จิตรลดา จำนวน 8 ชุด ที่จ่ายเงินจองไปแล้วทั้งสิ้น 159,992 บาท นั่นละที่ยังไม่ได้รับ

คุณโผงยังคงตั้งความหวังว่า ประเดี๋ยวเถอะ เมื่อพระสร้างเสร็จแล้ว ทางผู้สร้างคงจะได้ส่งมาให้ธนาคารแล้วธนาคารคงจะได้จัดส่งมาให้เขาแน่นอน

ระหว่างรอก็เอกเขนกพลิกดูรูปถ่ายจากแผ่นพับ แผ่นปลิวประชาสัมพันธ์ที่เชิญชวนให้สั่งจองไปพลาง



2.

"ใครเขียนมา เรื่องอะไรหว่า"คุณโผงฉีกซองจดหมายจ่าหน้าถึงเขาออก เมื่อพนักงานส่งจดหมายเร่งเครื่องจักรยานยนต์ออกไป

เป็นจดหมายแจ้งจากธนาคาร ว่าพระเครื่อง 8 ชุดที่คุณโผงชำระเงินจองและรออยู่นั้น ขณะนี้หมดแล้ว

"หมดแล้ว" หมายถึงว่าคุณโผงไม่ได้พระเครื่อง

"เป็นไปได้ไงวะ" เขาโพล่งขึ้นมา แต่ไม่มีใครตอบ ด้วยว่าแถวนั้นไม่มีใครอยู่ หรือแม้จะมีใครอยู่ก็คงไม่มีใครให้คำตอบได้

คุณโผงรีบแจ้นไปที่สำนักงานสาขาของธนาคาร สอบถาม โวยวาย รวมทั้งเอะอะและมะเทิ่ง

แต่ไร้ผล ไม่มีพระ ไม่ได้พระ ต่อให้คุณโผงเพิ่มเดซิเบลของเสียงที่เอะอะ มะเทิ่ง และโวยวายขึ้นไปอีกก็ยังคงไร้ผลอย่างสิ้นเชิง

หลังจากได้ดำเนินการไปตามสมควรแล้ว แต่ยังไร้ผลอยู่ คุณโผงจึงเลือกใช้วิธีอื่น แทนที่จะโวยวายไม่เลิก

คุณโผงเลือกการยื่นฟ้องธนาคาร เรียกให้ส่งมอบพระเครื่อง ถ้าส่งมอบไม่ได้ก็ให้ชดใช้ค่าเสียหายมา

จำเลยที่ 1 คือ ธนาคาร จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการสาขา จำเลยที่ 3 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการสาขา จำเลยที่ 4 เป็นมูลนิธิผู้จัดสร้างพระเครื่อง จำเลยที่ 5 เป็นประธานดำเนินการจัดสร้างพระเครื่องที่เปิดให้รับจอง

มาดูคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของคุณโผงกัน

คุณโผงฟ้องขอให้ศาลบังคับ จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันหรือแทนกัน ส่งมอบชุดพระพิมพ์จิตรลดา จำนวน 8 ชุด รวม 24 องค์ แก่คุณโผง

หากไม่สามารถส่งมอบพระเครื่องดังกล่าวให้ได้ ให้ร่วมกันคืนเงินจำนวน 159,992 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

กับให้ร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหายจำนวน 1,600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ



3.

ทางธนาคารให้การรับว่า คุณโผงได้จ่ายเงินจองพระตามจำนวนเงินที่กล่าวมาในฟ้องจริง

แต่ธนาคารเป็นเพียงผู้ให้บริการหรือตัวแทนระหว่างคณะกรรมการดำเนินการสร้างพระกับคุณโผงเท่านั้น มิได้กระทำในนามส่วนตัว เพราะไม่ใช่กิจการของธนาคาร เพียงแต่ธนาคารได้รับการร้องขอความร่วมมือจากคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดสร้างพระซึ่งเป็นผู้จัดสร้างวัตถุมงคลดังกล่าว เพื่อระดมทุนทรัพย์

ผู้ใดสนใจให้จองพระได้ตามจำนวนเท่าที่จัดสร้าง ใครจองก่อนได้ก่อน โดยขอให้ธนาคารรับเงินที่ผู้สั่งจองชำระฝากเข้าบัญชีของมูลนิธิ

การกระทำของธนาคารกับผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการสาขาเป็นเพียงการให้บริการและความสะดวกต่อคุณโผงผู้สั่งจองพระเท่านั้น

ดังนั้น คุณโผงจึงไม่มีอำนาจฟ้องธนาคารให้รับผิดเป็นส่วนตัว

ธนาคารต่อสู้อีกว่า ธนาคารได้รับแจ้งจากคณะกรรมการจัดสร้างพระว่า ชุดพระพิมพ์จิตรลดาจัดสร้างขึ้นจำนวน 2,539 ชุด นั้นหมดแล้ว ขอให้ธนาคารงดรับจอง ภายหลังจากที่ได้รับจองพระจากคุณโผงแล้ว

โดยคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างพระได้รับจองพระชุดนี้ตามลำดับก่อนหลังการจอง และได้จัดให้ผู้สั่งจองก่อนไปหมดแล้ว คุณโผงจึงไม่มีสิทธิได้รับพระตามที่สั่งของไว้อีก

สาขาของธนาคารที่รับจองพระได้ขอให้มูลนิธิส่งมอบเงินค่าบูชาพระชุดนั้นจำนวน 159,992 บาท คืนแก่คุณโผง ต่อมาผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการสาขาของธนาคารได้ส่งแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 159,992 บาท ให้คุณโผงแล้ว แต่คุณโผงปฏิเสธไม่ยอมรับเงินคืน คุณโผงจึงไม่มีความเสียหายตามฟ้อง

ข้างฝ่ายมูลนิธิกับประธานดำเนินการจัดสร้างพระ ให้การเถียงว่า มูลนิธิมีวัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงการสาธารณประโยชน์ มีรายได้จากการรับเงินบริจาค มิได้มุ่งไปในทางการค้าหรือหากำไร แต่เป็นการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา

การสร้างพระแล้วเปิดให้คนทั่วไปสั่งจองพระเป็นการเชิญชวนให้ร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุน โดยมีพระมอบให้แก่ผู้บริจาคเพื่อเก็บไว้สักการะบูชา มิได้จัดสร้างขึ้นเพื่อจำหน่ายหรือขายให้แก่บุคคลใดมุ่งนำไปขายปลีกหรือขายส่งเพื่อการค้าหากำไร ซึ่งคุณโผงก็ทราบดี

ฉะนั้น การที่คุณโผงสั่งจองพระจึงเป็นเพียงการขอร่วมสมทบทุนบริจาคเงินเข้าโครงการของมูลนิธิ หากมูลนิธิไม่สามารถที่จะรับเงินบริจาคของคุณโผงได้ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม หรือไม่สามารถแจกพระให้คุณโผงได้ ก็ถือไม่ได้ว่ามูลนิธิผิดสัญญา



4.

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้ธนาคารส่งมอบพระรวม 24 องค์ให้แก่คุณโผง

หากส่งมอบพระให้ไม่ได้ให้คืนเงินค่าจอง 159,992 บาท และค่าเสียหายอีกจำนวน 560,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5

ธนาคารอุทธรณ์คำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ธนาคารรับผิดต่อคุณโผงเฉพาะเพียงแต่คืนเงิน 159,992 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ชำระค่าเสียหายจำนวน 200,000 บาท โดยไม่ต้องส่งมอบพระ

ทางธนาคารฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อธนาคาร และสำนักงานสาขาทั่วประเทศเป็นสถานที่รับจองและส่งมอบพระชุดที่พิพาทให้แก่ผู้จอง หากกรณีเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนดกันไว้ ธนาคารก็จะต้องส่งมอบพระให้แก่ผู้จอง แม้ว่าธนาคารจะมิใช่ผู้จัดสร้างพระดังกล่าวก็ตาม

ข้อตกลงระหว่างผู้จองกับธนาคารและสำนักงานสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ เป็นสัญญาที่ผูกพันใช้บังคับกันได้

เมื่อข้อเท็จจริงคดีนี้รับฟังเป็นยุติแล้วว่า คุณโผงเป็นผู้จองชุดพระที่พิพาทกัน 8 ชุดกับธนาคารสาขาและชำระเงินค่าจองครบถ้วนแล้ว คุณโผงกับธนาคารจึงมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน และมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญา

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อคุณโผงชำระเงินค่าจองครบถ้วนแล้ว และได้รับแจ้งจากผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการสาขา หลังจากตรวจสอบไปยังธนาคารว่า จำนวนพระที่คุณโผงสั่งจองทุกรายการนั้นคุณโผงมีสิทธิได้

ข้อเท็จจริงปรากฏยุติว่า ในขณะดังกล่าว ธนาคารทราบจากมูลนิธิผู้ดำเนินการจัดสร้างพระแล้วว่า จำนวนพระ (โควต้า) ที่ธนาคารสามารถรับจองชุดพระที่พิพาทกันนั้นมีเป็นจำนวน 170 ชุด แล้วต่อมามูลนิธิได้จัดส่งมอบชุดพระที่พิพาทให้ธนาคาร โดยจัดส่งให้ถึง 4 ครั้ง รวมจำนวน 181 ชุด แต่ธนาคารมิได้ส่งมอบพระชุดดังกล่าวไปให้แก่สาขาเพื่อส่งมอบแก่คุณโผงผู้สั่งจองเพียงรายเดียวของสาขานั้น

เห็นว่าธนาคารทราบถึงจำนวนพระ (โควต้า) ชุดพระที่สามารถรับจองได้แล้วก่อนที่คุณโผงจะจอง ธนาคารย่อมจะต้องดำเนินการจัดการเกี่ยวกับลำดับและจำนวนการจอง เพื่อให้ธนาคารสาขาต่างๆ ทั่วประเทศรับจองให้เป็นไปตามจำนวนโควต้าที่ได้รับมา

ที่ธนาคารอ้างว่าคุณโผงเป็นผู้จองสิทธิลำดับหลังจากบุคคลอื่นๆ จำนวนพระที่ธนาคารจะได้รับอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ไม่แน่นอน การดำเนินการนั้นเป็นกิจการภายในของธนาคาร และเป็นเรื่องการประสานงานระหว่างธนาคารกับมูลนิธิและประธานคณะกรรมการ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ธนาคารผิดสัญญาและต้องรับผิดต่อคุณโผง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ประเด็นสุดท้ายเรื่องค่าเสียหาย ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า พระชุดนี้จัดสร้างเพียง 2,539 ชุด ผู้จัดสร้างได้แจกจ่ายจัดสรรแก่ผู้รับจองต่างๆ ไปหมดแล้ว ธนาคารเป็นแต่เพียงผู้ดำเนินการรับจองเท่านั้นมิใช่ผู้จัดสร้าง เมื่อธนาคารได้รับพระชุดพิพาทมาแล้วมิได้ส่งมอบให้แก่คุณโผงผู้สั่งจองผ่านธนาคาร แต่กลับส่งมอบให้แก่บุคคลอื่นๆ ตามที่ธนาคารกล่าวอ้างว่ามีสิทธิไปจนหมดสิ้น พระชุดพิพาทจึงไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว ทั้งที่ผู้จัดสร้างและที่ธนาคาร

ดังนั้น การชำระหนี้ของธนาคารที่จะต้องส่งมอบพระชุดที่พิพาทให้แก่คุณโผงจึงกลายเป็นการชำระหนี้ที่พ้นวิสัยที่จะทำได้ เพราะพฤติการณ์ที่ธนาคารซึ่งเป็นผู้ผิดสัญญาจะต้องรับผิดชอบ

ธนาคารจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่คุณโผงเพื่อค่าเสียหายอันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 218 วรรคหนึ่ง

พระชุดที่พิพาทสร้างจำกัดเพียง 2,539 ชุด หากคุณโผงมีไว้ในครอบครองย่อมทำให้มีมูลค่าสูงขึ้นตามหลักอุปสงค์อุปทาน และจะต้องมีราคามากกว่าราคาในขณะสั่งจอง ผลต่างของราคาดังกล่าวเป็นค่าเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้ของธนาคาร ซึ่งคุณโผงย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 วรรคแรก ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้คุณโผงได้รับค่าเสียหายชุดละ 25,000 บาท รวม 8 ชุด เป็นเงิน 200,000 บาท นั้นเหมาะสมแล้ว

ศาลฎีกาพิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

สรุปว่า ธนาคารต้องคืนเงิน และต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วย



(เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5243/2550)



ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 218 ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยจะทำได้เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ต้องรับผิดชอบไซร้ ท่านว่าลูกหนี้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้เพื่อค่าเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้นั้น

ในกรณีที่การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยแต่เพียงบางส่วน ถ้าหากว่าส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำได้นั้นจะเป็นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้แล้ว เจ้าหนี้จะไม่ยอมรับชำระหนี้ส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำได้นั้นแล้ว และเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้เสียทั้งหมดทีเดียวก็ได้

มาตรา 222 การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น

เจ้าหนี้จะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ แม้กระทั่งเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากว่าคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว